ตอนนี้มีเรื่องเครียดและอึดอัดใจมากค่ะ ขออนุญาตเล่ายาวนิดนึงนะคะ
สืบเนื่องมาจากเราและครอบครัว ซึ่งมีคุณแม่ พี่สาว พี่ชาย เพิ่งตัดสินใจกู้เงินมาซื้อบ้านหลังแรกในกรุงเทพเพื่อให้คุณแม่และพี่น้องทุกคนได้มีที่อยู่อาศัยรวมกัน
บ้านที่ซื้อเปนบ้านทาวเฮาส์ขนาดประมาณ 28 ตรว. หน้ากว้าง หก เมตร ซึ่งซื้อตามคำแนะนำของญาติๆ เพราะในซอยนั้นมีบ้านของคุณป้าพี่สาวแม่ และคุนอา น้องชายแม่ อยู่ด้วยกันถึงสามหลัง อบอุ่น มีคอมมิวนิตี้เล็กๆของคุณป้าคุณลุงเพื่อนบ้านที่อยู่กันมานาน ช่วยเหลือดูแลกันดี ซึ่งเชื่อว่า ถ้าคุณแม่เรามาอยู่ที่นี่แล้ว เวลาลูกๆไม่อยู่เพราะไปทำงานกันหมด อย่างน้อยแม่จะได้มีเพื่อน มีฐาติพี่น้อง มีกลุ่มคนสูงอายุให้เค้าสังคมด้วย ไม่ต้องเปนคุนยายเหงาๆอยู่บ้านคนเดียว เพราะแม่เป็นคน ตจว แต่กำเนิด คุ้นเคยกับสังคมแบบพี่น้องใน ตจว เราก็เลยอยากให้แม่ได้อยู่ในที่ๆอย่างน้อยเค้ามีคนคุ้นเคย หรือ มีเพื่อนวัยเดียวกันไปพร้อมๆกับได้อยู่ใกล้ลูกๆด้วย เลยตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้
พื้นเพครอบครัวเราไม่ใช่คนร่ำรวยแถมออกไปทางจนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เคยลำบากเรื่องเงิน กระนั้นก็ไม่มีสิทธิ์จะฟุ่มเฟือยอะไรเหมือนคนอื่นเค้า เปรียบเทียบกันแล้ว แม่เราน่าจะจนที่สุดในบรรดาญาติพี่น้อง ทำให้ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่เรามักจะโดนกดจากพวกพี่น้องอยู่เนืองๆ ตระกูลเราเป็นคนจีน ไม่เข้าใจคำว่าพอเพียง เข้าใจแต่ว่าต้องรวยขึ้นๆๆ และถ้าคนไหนรวย คนอื่นก็จะเกรงใจ แม่เราก็โดนแนะแหนประจำ แต่แม่เราก็อยู่เฉยๆ ใช้ชีวิตมีความสุขแบบราบเรียบกับลูกๆมา จนกระทั่งมาตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ตามคำแนะนำของญาติผู้หวังดี
บ้านหลังนี้บอกเลยว่าอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงพอสมควร อยู่ในซอยตันที่เดินไม่ถึงร้อยเมตรก็เจอถนนใหญ๋ ป้ายรถเมล์ และห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังสร้างอยู่เพียงแค่ประมาณ 1 กม มีตลาด มหาวิทยาลัย รพ ทุกอย่างในละแวกใกล้เคียง บ้านนี้ได้มาในราคาไม่แพงเพราะเป็นบ้านเก่าที่เจ้าของทิ้งร้างไปประมาณสิบกว่าปี เก่าและโทรมจนอยู่ไม่ได้ แต่เราตัดสินใจซื้อเพราะทำเลและไซส์ที่ดินที่ไม่กว้างไม่แคบจนเกินไป ดังนั้นเมื่อซื้อแล้วก็จำเป็นต้องบูรณะครั้งใหญ่ ในหัวเรากับพี่สาว ออกแบบทุกอย่างกันไว้อย่างสวยงาม เพราะไหนๆจะมีบ้านเปนของตัวเองทั้งที พร้อมทั้งกันงบตกแต่งเอาไว้ที่ประมาณ 6 แสนบาท
แต่ปรากฎว่า พอถึงเวลาจะทำจริงๆ ญาติเรา ซึ่งบ้านอยู๋ในซอยนั้นและเปนคนอาสาจะหาช่างมาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของบ้านให้ในงบประมาณที่เรามี ก็เบรกไอเดียทุกอย่างที่เราเสนอ เรากับพี่สาวเปนผู้หญิงที่ไม่มีความรู้เรื่องก่อสร้าง เพียงแต่มีไอเดียว่าอยากจะทำประมาณไหนๆ เอาแบบในหนังสือไปให้ดู ก็ไม่สามารถทำให้ให้เราได้เลยสักอย่าง โดยให้เหตุผลว่าถ้าทำแบบนี้มันจะแพง เปนไปไม่ได้ อย่างงู้นอย่างงี้ ซึ่งเรากับพี่ก็โมโหและอึดอัดใจมากที่ไม่สามารถทำอะไรกับบ้านตัวเองได้เลยสักอย่าง
หลังจากอดทนมาระยะหนึ่งให้เค้าทำกันไป โดยที่ไม่มีการโทรมาปรึกษา ถามความเห็นอะไรเลย เราก็ไปเช็คความคืบหน้าของบ้าน บางส่วนมันออกมาไม่ใช่อย่างที่เราต้องการ และเราไม่ค่อยพอใจ เช่น มีการก่อผนังเพิ่มเพื่อเพิ่มพื้นที่ในบ้านและติดหน้าต่างพร้อมเหล็กดัดตัวเก่าที่ติดมากับบ้าน ตรงนี้ทางเราอยากได้หน้าต่างกระจกทรงยาวที่จะเพิ่มแสงธรรมชาติให้บ้านดูโปร่งสบาย มากกว่าจะเป็นบ้านทาวเฮาส์ลูกกรง ที่ดูมืด และอุดอู้แบบนี้ ก็โดนปรามว่า บานกระจกนั้นแพง และต้องทำวงกบใหม่ บลา บลา บลา อีกทั้งตรงนี้มีการทำไปจนเสร็จแล้ว จะให้ไปบอกให้ทุบผนังและแก้ ก็จะเป็นการสร้างความยุ่งยาก และฝ่ายนั้นก็คงไม่ยอม นอกจากเรื่องนี้ ก็ยังมีเรื่องจุกจิกอีกเล็กๆน้อยๆที่เราสั่งไม่ได้และทำให้เราอึดอัดใจมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรดาข้อจำกัดต่างๆของทางฝ่ายเรา ทั้งเรื่องงบประมาณที่จำกัด เรื่องเวลาที่ต้องทำงานประจำไม่มีเวลามาคุมช่าง ไม่มีรถในการที่จะไปซื้อไปขนอุปกรณ์ ความรู้เรื่องก่อสร้าง ทำให้เราไม่มีอำนาจต่อรองอะไรไปจัดการบ้านของเราเอง กลายเป็นว่าเราต้องปล่อยให้ญาติเรามาทำบ้านให้เราอยู่ และเจ้าของบ้านอย่างเราไม่สามารถจัดการอะไรตามใจได้เลย
เรื่องนี้ทำให้พี่สาวเราทะเลาะกับญาติทะเลาะกับแม่มาครั้งนึงแล้ว เพราะหนึ่งคือ แม่เราเกรงใจญาติมากกกกกกกกกกกก กลัวไปหมด ยอมทุกอย่างไม่ว่าเค้าจะทำอะไร แล้วถ้าแม่เราซึ่งเปนผู้ใหญ่ไม่ยอมพูดไม่ยอมออกสิทธิ์ออกเสียงอะไรเรื่องก็แทบจะจบแล้ว เพราะหลานอย่างเราเค้ายิ่งไม่ฟังค่ะ เราอึดอัดใจ อกจะระเบิด ใจนึงไม่อยากมีปัญหา เพราะอนาคตญาติพวกนี้ต้องมาเป็นเพื่อนบ้าน และแม่เราจะต้องเปนคนรับหน้าทั้งหมดหากมีเรื่องผิดใจกันขึ้นมา แต่อีกใจก็รู็สึกว่านี่มันบ้านที่เราต้องอยู่นะ ทำไมเราต้องยอม นึกออกมั้ยคะ
ตอนนี้เครียดมาก อยากให้เพื่อนๆในห้องนี้ช่วยรับฟัง และให้แนวคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี วางตัวแบบไหน ยอมหรือไม่ยอมอย่างไร ขอบคุณนะคะที่อ่านจนจบ ขอบพระคุณสำหรับทุกความคิดเห็นด้วยค่ะ
ปล. แม่เราเสนอว่า ให้ปล่อยให้ญาติเค้าทำไปค่ะ แล้วหลังจากนั้น พอเราเข้ามาอยู่ ตรงไหนที่เราไม่ชอบก็ไปจัดการหาช่างมาแก้ไขกันเองทีหลัง คือเค้าอยากลดการเผชิญหน้าน่ะค่ะ เราเข้าใจ แต่วิธีนี้อาจทำให้เราต้องเสียค่าช่างและค่าวัสดุใหม่ ทีนี้มีคนติงเรามาว่า การที่บ้านทำเสร็จแล้วมาทุบใหม่ (เราคิดว่าแค่จะเจาะผนังเอาหน้าต่างลูกกรงออกแล้วใส่หน้าต่างยาวหรือประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อรับแสงแทน) มันไม่ดีทั้งในแง่ฮวงจุ้ยและการรับน้ำหนักของตัวบ้าน ทำให้เราลังเลว่าหรือเราควรจะยืนกรานหนักแน่นไปเลยว่าต้องแก้เดี๋ยวนี้ตอนนี้ เพื่อจะไม่ต้องมาแก้ทีหลัง แต่ก็ต้องเสี่ยงกับการมีปัญหากับญาติ ซึ่งมั่นใจว่ามีชัวร์ๆค่ะ
นานๆที ขอมาระบายปัญหาเรื่องรีโนเวทบ้านและคนรอบข้างจอมบงการหน่อยค่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วจริงๆ
สืบเนื่องมาจากเราและครอบครัว ซึ่งมีคุณแม่ พี่สาว พี่ชาย เพิ่งตัดสินใจกู้เงินมาซื้อบ้านหลังแรกในกรุงเทพเพื่อให้คุณแม่และพี่น้องทุกคนได้มีที่อยู่อาศัยรวมกัน
บ้านที่ซื้อเปนบ้านทาวเฮาส์ขนาดประมาณ 28 ตรว. หน้ากว้าง หก เมตร ซึ่งซื้อตามคำแนะนำของญาติๆ เพราะในซอยนั้นมีบ้านของคุณป้าพี่สาวแม่ และคุนอา น้องชายแม่ อยู่ด้วยกันถึงสามหลัง อบอุ่น มีคอมมิวนิตี้เล็กๆของคุณป้าคุณลุงเพื่อนบ้านที่อยู่กันมานาน ช่วยเหลือดูแลกันดี ซึ่งเชื่อว่า ถ้าคุณแม่เรามาอยู่ที่นี่แล้ว เวลาลูกๆไม่อยู่เพราะไปทำงานกันหมด อย่างน้อยแม่จะได้มีเพื่อน มีฐาติพี่น้อง มีกลุ่มคนสูงอายุให้เค้าสังคมด้วย ไม่ต้องเปนคุนยายเหงาๆอยู่บ้านคนเดียว เพราะแม่เป็นคน ตจว แต่กำเนิด คุ้นเคยกับสังคมแบบพี่น้องใน ตจว เราก็เลยอยากให้แม่ได้อยู่ในที่ๆอย่างน้อยเค้ามีคนคุ้นเคย หรือ มีเพื่อนวัยเดียวกันไปพร้อมๆกับได้อยู่ใกล้ลูกๆด้วย เลยตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้
พื้นเพครอบครัวเราไม่ใช่คนร่ำรวยแถมออกไปทางจนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เคยลำบากเรื่องเงิน กระนั้นก็ไม่มีสิทธิ์จะฟุ่มเฟือยอะไรเหมือนคนอื่นเค้า เปรียบเทียบกันแล้ว แม่เราน่าจะจนที่สุดในบรรดาญาติพี่น้อง ทำให้ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่เรามักจะโดนกดจากพวกพี่น้องอยู่เนืองๆ ตระกูลเราเป็นคนจีน ไม่เข้าใจคำว่าพอเพียง เข้าใจแต่ว่าต้องรวยขึ้นๆๆ และถ้าคนไหนรวย คนอื่นก็จะเกรงใจ แม่เราก็โดนแนะแหนประจำ แต่แม่เราก็อยู่เฉยๆ ใช้ชีวิตมีความสุขแบบราบเรียบกับลูกๆมา จนกระทั่งมาตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ตามคำแนะนำของญาติผู้หวังดี
บ้านหลังนี้บอกเลยว่าอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงพอสมควร อยู่ในซอยตันที่เดินไม่ถึงร้อยเมตรก็เจอถนนใหญ๋ ป้ายรถเมล์ และห่างจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังสร้างอยู่เพียงแค่ประมาณ 1 กม มีตลาด มหาวิทยาลัย รพ ทุกอย่างในละแวกใกล้เคียง บ้านนี้ได้มาในราคาไม่แพงเพราะเป็นบ้านเก่าที่เจ้าของทิ้งร้างไปประมาณสิบกว่าปี เก่าและโทรมจนอยู่ไม่ได้ แต่เราตัดสินใจซื้อเพราะทำเลและไซส์ที่ดินที่ไม่กว้างไม่แคบจนเกินไป ดังนั้นเมื่อซื้อแล้วก็จำเป็นต้องบูรณะครั้งใหญ่ ในหัวเรากับพี่สาว ออกแบบทุกอย่างกันไว้อย่างสวยงาม เพราะไหนๆจะมีบ้านเปนของตัวเองทั้งที พร้อมทั้งกันงบตกแต่งเอาไว้ที่ประมาณ 6 แสนบาท
แต่ปรากฎว่า พอถึงเวลาจะทำจริงๆ ญาติเรา ซึ่งบ้านอยู๋ในซอยนั้นและเปนคนอาสาจะหาช่างมาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของบ้านให้ในงบประมาณที่เรามี ก็เบรกไอเดียทุกอย่างที่เราเสนอ เรากับพี่สาวเปนผู้หญิงที่ไม่มีความรู้เรื่องก่อสร้าง เพียงแต่มีไอเดียว่าอยากจะทำประมาณไหนๆ เอาแบบในหนังสือไปให้ดู ก็ไม่สามารถทำให้ให้เราได้เลยสักอย่าง โดยให้เหตุผลว่าถ้าทำแบบนี้มันจะแพง เปนไปไม่ได้ อย่างงู้นอย่างงี้ ซึ่งเรากับพี่ก็โมโหและอึดอัดใจมากที่ไม่สามารถทำอะไรกับบ้านตัวเองได้เลยสักอย่าง
หลังจากอดทนมาระยะหนึ่งให้เค้าทำกันไป โดยที่ไม่มีการโทรมาปรึกษา ถามความเห็นอะไรเลย เราก็ไปเช็คความคืบหน้าของบ้าน บางส่วนมันออกมาไม่ใช่อย่างที่เราต้องการ และเราไม่ค่อยพอใจ เช่น มีการก่อผนังเพิ่มเพื่อเพิ่มพื้นที่ในบ้านและติดหน้าต่างพร้อมเหล็กดัดตัวเก่าที่ติดมากับบ้าน ตรงนี้ทางเราอยากได้หน้าต่างกระจกทรงยาวที่จะเพิ่มแสงธรรมชาติให้บ้านดูโปร่งสบาย มากกว่าจะเป็นบ้านทาวเฮาส์ลูกกรง ที่ดูมืด และอุดอู้แบบนี้ ก็โดนปรามว่า บานกระจกนั้นแพง และต้องทำวงกบใหม่ บลา บลา บลา อีกทั้งตรงนี้มีการทำไปจนเสร็จแล้ว จะให้ไปบอกให้ทุบผนังและแก้ ก็จะเป็นการสร้างความยุ่งยาก และฝ่ายนั้นก็คงไม่ยอม นอกจากเรื่องนี้ ก็ยังมีเรื่องจุกจิกอีกเล็กๆน้อยๆที่เราสั่งไม่ได้และทำให้เราอึดอัดใจมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรดาข้อจำกัดต่างๆของทางฝ่ายเรา ทั้งเรื่องงบประมาณที่จำกัด เรื่องเวลาที่ต้องทำงานประจำไม่มีเวลามาคุมช่าง ไม่มีรถในการที่จะไปซื้อไปขนอุปกรณ์ ความรู้เรื่องก่อสร้าง ทำให้เราไม่มีอำนาจต่อรองอะไรไปจัดการบ้านของเราเอง กลายเป็นว่าเราต้องปล่อยให้ญาติเรามาทำบ้านให้เราอยู่ และเจ้าของบ้านอย่างเราไม่สามารถจัดการอะไรตามใจได้เลย
เรื่องนี้ทำให้พี่สาวเราทะเลาะกับญาติทะเลาะกับแม่มาครั้งนึงแล้ว เพราะหนึ่งคือ แม่เราเกรงใจญาติมากกกกกกกกกกกก กลัวไปหมด ยอมทุกอย่างไม่ว่าเค้าจะทำอะไร แล้วถ้าแม่เราซึ่งเปนผู้ใหญ่ไม่ยอมพูดไม่ยอมออกสิทธิ์ออกเสียงอะไรเรื่องก็แทบจะจบแล้ว เพราะหลานอย่างเราเค้ายิ่งไม่ฟังค่ะ เราอึดอัดใจ อกจะระเบิด ใจนึงไม่อยากมีปัญหา เพราะอนาคตญาติพวกนี้ต้องมาเป็นเพื่อนบ้าน และแม่เราจะต้องเปนคนรับหน้าทั้งหมดหากมีเรื่องผิดใจกันขึ้นมา แต่อีกใจก็รู็สึกว่านี่มันบ้านที่เราต้องอยู่นะ ทำไมเราต้องยอม นึกออกมั้ยคะ
ตอนนี้เครียดมาก อยากให้เพื่อนๆในห้องนี้ช่วยรับฟัง และให้แนวคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี วางตัวแบบไหน ยอมหรือไม่ยอมอย่างไร ขอบคุณนะคะที่อ่านจนจบ ขอบพระคุณสำหรับทุกความคิดเห็นด้วยค่ะ
ปล. แม่เราเสนอว่า ให้ปล่อยให้ญาติเค้าทำไปค่ะ แล้วหลังจากนั้น พอเราเข้ามาอยู่ ตรงไหนที่เราไม่ชอบก็ไปจัดการหาช่างมาแก้ไขกันเองทีหลัง คือเค้าอยากลดการเผชิญหน้าน่ะค่ะ เราเข้าใจ แต่วิธีนี้อาจทำให้เราต้องเสียค่าช่างและค่าวัสดุใหม่ ทีนี้มีคนติงเรามาว่า การที่บ้านทำเสร็จแล้วมาทุบใหม่ (เราคิดว่าแค่จะเจาะผนังเอาหน้าต่างลูกกรงออกแล้วใส่หน้าต่างยาวหรือประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อรับแสงแทน) มันไม่ดีทั้งในแง่ฮวงจุ้ยและการรับน้ำหนักของตัวบ้าน ทำให้เราลังเลว่าหรือเราควรจะยืนกรานหนักแน่นไปเลยว่าต้องแก้เดี๋ยวนี้ตอนนี้ เพื่อจะไม่ต้องมาแก้ทีหลัง แต่ก็ต้องเสี่ยงกับการมีปัญหากับญาติ ซึ่งมั่นใจว่ามีชัวร์ๆค่ะ